รุ่งอรุณแห่งพันธสัญญา
บทที่ 1: เสียงเรียกจากผืนป่า
“โซระรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น เขารู้ว่าการผจญภัยของเขาเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น และเขากำลังจะเผชิญหน้ากับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เขาเคยจินตนาการไว้”
แสงตะวันสาดส่องลอดผ่านเรือนยอดไม้ใหญ่ เสียงนกร้องเจื้อยแจ้วปลุกให้โซระตื่นจากภวังค์ กลิ่นดินและใบไม้เปียกน้ำค้างโชยมาเตะจมูก เขาลุกขึ้นยืน มองไปรอบๆ บริเวณที่เคยเป็นสนามรบกับ Dark Fenrir บัดนี้เหลือเพียงร่องรอยความเสียหายและกลิ่นไหม้จางๆ
อากาเรอิกำลังนั่งพิงต้นไม้ใหญ่ ใบหน้าซีดเซียว เธอคงใช้พลังเวทไปมาก
“อากาเรอิ, ไหวไหม?” โซระถามด้วยความเป็นห่วง
อากาเรอิเหลือบมองเขา แววตาฉายแววเหนื่อยล้า แต่ก็ยังคงความเย่อหยิ่งเอาไว้ “ไม่เป็นไร…แค่เหนื่อย”
ยามาดะเดินเข้ามาใกล้ ทั้งสองคนดูสนิทสนมกันมากขึ้นกว่าเมื่อวาน
“พวกเราควรกลับไปรายงานเรื่องนี้ให้อาจารย์ใหญ่ทราบ” ยามาดะเสนอ “การปรากฏตัวของ Dark Fenrir ไม่ใช่เรื่องปกติ”
อากาเรอิพยักหน้าเห็นด้วย “อืม…แต่ก่อนอื่น เราต้องรักษาพลังเวทก่อน”
ทันใดนั้นเอง เสียงแผ่วเบาก็ดังขึ้นในหัวของโซระ 「ช่วยด้วย…ช่วยพวกเราด้วย…」
โซระชะงัก 「เสียงอะไรน่ะ?」 เขาขมวดคิ้ว “ได้ยินอะไรไหม?” เขาถามทั้งสองคน
อากาเรอิและยามาดะส่ายหน้า
「สัมผัสมานา…?」 โซระนึกถึงทักษะพิเศษของเขาที่ปรากฏใน Status Screen เมื่อวาน
เขาสูดหายใจลึกๆ พยายามตั้งสมาธิ และใช้ทักษะ “สัมผัสมานา (Mana Kanchi)”
ภาพของหมู่บ้านเล็กๆ ที่ถูกโจมตีโดยสัตว์ประหลาดปรากฏขึ้นในหัวของโซระ ภาพของผู้คนร้องครวญครางด้วยความหวาดกลัว
“มีคนต้องการความช่วยเหลือ!” โซระอุทาน “หมู่บ้าน…ถูกโจมตี!”
อากาเรอิและยามาดะมองหน้ากันด้วยความตกใจ
“หมู่บ้าน? อยู่ที่ไหน?” อากาเรอิถาม
“ฉัน…ไม่รู้ แต่ฉันรู้สึกได้ถึงพลังเวทที่อ่อนแอ…พวกเขากำลังตกอยู่ในอันตราย!” โซระตอบ
อากาเรอิกัดริมฝีปาก “ถ้าเป็นเรื่องจริง เราต้องไปช่วย”
“แต่พลังเวทของเธอ…” ยามาดะแย้ง
“ถึงจะน้อยนิด…แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย” อากาเรอิตอบอย่างเด็ดเดี่ยว
โซระมองอากาเรอิ 「เธอก็ไม่ได้เย็นชาอย่างที่คิดนี่นา」
บทที่ 2: สู่หมู่บ้านมิซุโฮะ
ทั้งสามคนออกเดินทางทันที พวกเขาวิ่งฝ่าป่าทึบ มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่โซระรู้สึกถึงพลังเวทที่อ่อนแอ
“หมู่บ้านมิซุโฮะ…เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่อยู่ใกล้ชายแดน” ยามาดะอธิบาย “ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่ทำอาชีพเกษตรกรรม”
ระหว่างทาง โซระสังเกตเห็นว่าอากาเรอิเริ่มมีสีหน้าไม่ดี เธอคงพยายามฝืนตัวเอง
“พักก่อนไหม?” โซระถาม
อากาเรอิส่ายหน้า “ไม่เป็นไร…ใกล้ถึงแล้ว”
แต่แล้ว อากาเรอิก็ทรุดตัวลงกับพื้น
“อากาเรอิ!” โซระและยามาดะรีบเข้าไปประคอง
“ฉัน…ไม่ไหวแล้ว” อากาเรอิพึมพำ “พลังเวท…หมดแล้ว”
โซระมองไปรอบๆ เขาเห็นต้นไม้ที่มีผลไม้สีแดงสด 「ผลไม้นี่…กินได้ไหม?」 เขาไม่แน่ใจ
“ผลไม้นั่น…เป็น ‘ผลไม้มานา’ (Mana no Kudamono)…” ยามาดะอธิบาย “มันสามารถฟื้นฟูพลังเวทได้เล็กน้อย แต่…”
“ไม่มีเวลาแล้ว!” โซระขัดจังหวะ เขาเด็ดผลไม้มาป้อนให้อากาเรอิ
อากาเรอิลังเลเล็กน้อย ก่อนที่จะกัดผลไม้เข้าไป รสชาติหวานอมเปรี้ยวของผลไม้ทำให้เธอรู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง
“ขอบคุณ…” อากาเรอิพูดเสียงแผ่วเบา
หลังจากพักฟื้นเล็กน้อย ทั้งสามคนก็ออกเดินทางต่อ ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงหมู่บ้านมิซุโฮะ
ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำให้โซระแทบช็อก บ้านเรือนหลายหลังถูกเผาทำลาย ชาวบ้านต่างวิ่งหนีตายด้วยความหวาดกลัว สัตว์ประหลาดรูปร่างคล้ายหมาป่าขนาดใหญ่กำลังไล่ล่าชาวบ้าน
“กริฟฟอน… (Griffon)” ยามาดะอุทาน “ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
กริฟฟอนตัวใหญ่กว่า Dark Fenrir ที่โซระเคยเจอ มันมีขนสีน้ำตาลเข้ม ดวงตาสีแดงก่ำ และกรงเล็บที่แหลมคม
“ต้องช่วยพวกเขาก่อน!” โซระพูด
“แต่…” อากาเรอิลังเล
โซระหันไปมองอากาเรอิ “เธอพักอยู่ที่นี่ก่อน ฉันกับยามาดะจะจัดการเอง”
อากาเรอิเงยหน้ามองโซระ แววตาของโซระเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความกล้าหาญ 「เขาเปลี่ยนไป…」
บทที่ 3: ปลดปล่อยพลัง
โซระวิ่งเข้าใส่กริฟฟอนโดยไม่ลังเล เขาไม่มีอาวุธ ไม่มีพลังเวทที่แข็งแกร่ง แต่เขามีความมุ่งมั่นที่จะปกป้องผู้คน
กริฟฟอนคำรามเสียงดัง มันพุ่งเข้าใส่โซระด้วยความเร็วสูง
โซระหลับตาปี๋ 「ฉัน…จะตายอีกแล้วเหรอ?」
แต่แล้ว พลังเวทที่คุ้นเคยก็ไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขา แสงสีฟ้าจางๆ เปล่งออกมาจากแหวนที่เขาสวมอยู่
「ปลดปล่อยพลังเวท (Maryoku Kaiho)!」 เสียงในหัวของโซระดังขึ้น
โซระลืมตาขึ้น เขาพบว่าตัวเองสามารถเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าเดิม พลังเวทไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเขาอย่างอิสระ
เขากระโดดหลบการโจมตีของกริฟฟอนได้อย่างหวุดหวิด
“ยามาดะ! ช่วยชาวบ้านออกไปจากที่นี่!” โซระตะโกน
ยามาดะพยักหน้า เขาร่ายเวทมนตร์สร้างกำแพงดินเพื่อป้องกันชาวบ้าน และพาพวกเขาไปยังที่ปลอดภัย
โซระเผชิญหน้ากับกริฟฟอนเพียงลำพัง เขาไม่รู้ว่าจะใช้พลังเวทนี้ยังไง แต่เขารู้ว่าเขาต้องทำอะไรสักอย่าง
กริฟฟอนพุ่งเข้าใส่โซระอีกครั้ง มันกางกรงเล็บเตรียมขย้ำ
โซระรวบรวมพลังเวททั้งหมดที่มีอยู่ในร่างกาย เขาปล่อยพลังเวทออกมาจากมือ สร้างเป็นคลื่นพลังสีฟ้าจางๆ
คลื่นพลังปะทะเข้ากับกริฟฟอนอย่างจัง กริฟฟอนร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
โซระไม่รอช้า เขาวิ่งเข้าใส่กริฟฟอนอีกครั้ง เขาใช้มือเปล่าต่อสู้กับสัตว์ประหลาด
เขาหลบหลีกการโจมตีของกริฟฟอนได้อย่างคล่องแคล่ว เขาใช้พลังเวทเสริมความแข็งแกร่งให้ร่างกาย
ในที่สุด โซระก็สามารถคว้าคอกริฟฟอนได้ เขารวบรวมพลังเวททั้งหมดที่มีอยู่ในร่างกาย เขาปล่อยพลังเวทออกมาจากมือ ปล่อยมันเข้าไปในตัวของกริฟฟอน
กริฟฟอนร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด มันพยายามสะบัดโซระออก แต่โซระไม่ยอมปล่อย
“จบสิ้นซะ!” โซระตะโกน
พลังเวทระเบิดออกภายในตัวของกริฟฟอน กริฟฟอนสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน
โซระทรุดตัวลงกับพื้น เขาหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า แต่เขาก็รู้สึกถึงความภาคภูมิใจ
เขามองไปรอบๆ ชาวบ้านต่างมองเขาด้วยความชื่นชม
“ขอบคุณ…ขอบคุณมาก” ชาวบ้านคนหนึ่งพูด
โซระยิ้ม “ไม่เป็นไร…ผมดีใจที่ได้ช่วย”
อากาเรอิเดินเข้ามาใกล้เธอจ้องมองโซระด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป 「เขา…แข็งแกร่งขึ้น」
“เก่งมาก…” อากาเรอิพูดเสียงแผ่วเบา
โซระยิ้มให้อากาเรอิ “ยังต้องฝึกอีกเยอะเลย”
แต่แล้ว ท้องฟ้าก็พลันมืดครึ้ม เมฆดำทะมึนปกคลุมท้องฟ้า เสียงคำรามดังกึกก้องมาจากที่ไกลๆ
“เกิดอะไรขึ้น?” ยามาดะถามด้วยความกังวล
โซระรู้สึกถึงพลังเวทที่แข็งแกร่งและชั่วร้ายกำลังใกล้เข้ามา
「ภัยคุกคามที่แท้จริง…กำลังจะมา」 โซระคิด
