แสงสุดท้าย...แห่งความหวัง
“การต่อสู้ครั้งสุดท้ายกำลังจะเริ่มต้นขึ้น…ชีวิตของอากาเรอิ…และอนาคตของอาณาจักรเอเทอร์เรีย…ขึ้นอยู่กับผมแล้ว”
เสียงของผมก้องกังวานอยู่ในวิหารโบราณที่เงียบสงัด แสงจันทร์สาดส่องลงมากระทบกับดาบแสงในมือผม ทำให้มันส่องประกายสีฟ้าเจิดจ้า ราวกับเป็นแสงแห่งความหวังท่ามกลางความมืดมิด
ยามาดะยืนอยู่ข้างๆ ผม สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “อย่าประมาทนะ โซระ องค์กรเงามีอะไรมากกว่าที่เราคิด”
คุโรกิพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่แล้ว พวกมันเตรียมการมานานมาก เราต้องระวังตัวให้ดี”
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆ “ผมรู้ ผมจะไม่ประมาท”
เราเดินลึกเข้าไปในวิหาร ผ่านทางเดินที่มืดมิดและเต็มไปด้วยฝุ่น เสียงเท้าของเราก้องกังวาน ราวกับเป็นการเตือนถึงอันตรายที่รออยู่ข้างหน้า
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาจากความมืด “*โฮะ โฮะ โฮะ* ในที่สุดพวกแกก็มากันจนได้”
เงามัจจุราช
แสงสว่างปรากฏขึ้น เผยให้เห็นร่างของชายคนหนึ่งสวมชุดคลุมสีดำสนิท ใบหน้าของเขาถูกปกคลุมด้วยหน้ากากสีขาวไร้อารมณ์
“*เงามัจจุราช*…” คุโรกิกระซิบออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เงามัจจุราชหัวเราะ “ถูกต้องแล้ว ฉันคือเงามัจจุราช ผู้ที่จะนำความตายมาสู่พวกแก”
“ปล่อยอากาเรอิไปซะ!” ผมตะโกนออกไป
“ปล่อยไป? ไม่มีทางซะหรอก อากาเรอิเป็นกุญแจสำคัญในการปลดปล่อยพลังที่ยิ่งใหญ่ พลังที่จะทำให้โลกใบนี้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเรา”
ยามาดะก้าวออกมาข้างหน้า “พวกแกมันบ้าไปแล้ว พวกแกไม่มีทางทำสำเร็จหรอก”
เงามัจจุราชส่ายหัว “พวกแกมันก็แค่เด็กน้อยที่ไร้เดียงสา พวกแกไม่รู้หรอกว่าพลังที่แท้จริงมันเป็นยังไง”
เขาดีดนิ้ว ทันใดนั้นเอง ก็มีร่างเงาสีดำปรากฏตัวขึ้นรอบๆ ตัวเขา ร่างเงาเหล่านั้นมีรูปร่างคล้ายปีศาจ และพวกมันกำลังจ้องมองมาที่เราด้วยสายตาที่กระหายเลือด
“จัดการพวกมันซะ” เงามัจจุราชสั่ง
ร่างเงาพุ่งเข้าใส่เราทันที ผมยกดาบแสงขึ้นป้องกัน และเริ่มการต่อสู้
ดาบแสงของผมฟาดฟันร่างเงาอย่างรวดเร็ว แต่พวกมันก็ยังคงเข้ามาเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะหมด
ยามาดะร่ายเวทมนตร์โจมตี ร่างเงาล้มลงไปหลายตัว แต่ก็ยังมีอีกมากมายที่ยังคงเข้ามา
คุโรกิใช้เวทมนตร์ป้องกัน สร้างเกราะเวทมนตร์รอบตัวเรา เพื่อป้องกันการโจมตีของร่างเงา
การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด ผมรู้สึกเหนื่อยล้า แต่ผมก็ยังคงกัดฟันสู้ต่อไป ผมต้องช่วยอากาเรอิให้ได้!
「ผมไม่ยอมแพ้หรอก ผมจะไม่ยอมให้พวกมันทำร้ายอากาเรอิ」
ปลดปล่อย
ทันใดนั้นเอง ผมก็รู้สึกถึงพลังที่พลุ่งพล่านอยู่ในตัวผม พลังนั้นมันรุนแรงมาก จนผมแทบจะควบคุมมันไม่ได้
ผมหลับตาลง และพยายามรวบรวมสมาธิ ผมจินตนาการถึงอากาเรอิ จินตนาการถึงรอยยิ้มของเธอ ความอ่อนโยนของเธอ…และความกล้าหาญของเธอ
ผมลืมตาขึ้น และพบว่าดาบแสงในมือผมเปล่งแสงสีฟ้าที่สว่างจ้ากว่าเดิมมาก พลังเวทมนตร์ของผมเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
Status: Fujimura Sora (藤村 空)
Level: 13
Skills: Mana Kanchi (สัมผัสมานา), Chiyu Maho (รักษาแผล), Hikari no Ken (ดาบแสง), Hikari no Bakuhatsu (ระเบิดแสง)
“*ฮิคาริ โนะ บาคุฮัตสึ*!” ผมตะโกนออกไป
ดาบแสงของผมปลดปล่อยพลังงานออกมาอย่างมหาศาล เกิดเป็นการระเบิดแสงที่สว่างจ้าไปทั่วทั้งวิหาร ร่างเงาทั้งหมดถูกทำลายจนสิ้น
เงามัจจุราชถอยหลังไปด้วยความตกใจ “เป็นไปไม่ได้! พลังแบบนั้นมัน…”
ผมพุ่งเข้าใส่เงามัจจุราชด้วยความเร็วสูง ฟาดดาบแสงเข้าใส่เขาอย่างรุนแรง
เงามัจจุราชยกดาบสีดำขึ้นป้องกัน แต่ดาบของเขาก็แตกหักเป็นเสี่ยงๆ ดาบแสงของผมฟาดเข้าใส่ร่างของเขาอย่างจัง
เงามัจจุราชกระเด็นไปกระแทกกับกำแพงอย่างแรง เขาทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความเจ็บปวด
ผมเดินเข้าไปใกล้เขา “บอกมา อากาเรอิอยู่ที่ไหน?”
เงามัจจุราชหัวเราะ “คิดว่าฉันจะบอกแกรึไง? *โฮะ โฮะ โฮะ*”
ผมยกดาบแสงขึ้น “ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องบังคับแกแล้วล่ะ”
“ไม่มีประโยชน์หรอก” เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังผม
ผมหันกลับไป และพบกับหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ตรงทางเข้าวิหาร เธอมีผมสีดำยาวสลวย ดวงตาสีแดงทับทิม และใบหน้าที่สวยงามราวกับเทพธิดา
“อากาเรอิ…” ผมกระซิบออกมา
ความจริงที่เจ็บปวด
“โซระ…” อากาเรอิพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความเศร้า
“อากาเรอิ เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” ผมถามด้วยความเป็นห่วง
“ฉันสบายดี” เธอตอบ
“แล้วทำไมเธอถึง…”
“ฉันคือลูกสาวของผู้นำองค์กรเงา” เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
ผมตกตะลึง “ไม่จริงน่า…”
“ความจริงมันเจ็บปวดเสมอ” เธอกล่าว
「นี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมอากาเรอิถึงเป็นลูกสาวของผู้นำองค์กรเงา?」
อากาเรอิก้าวเข้ามาใกล้ผม “ฉันขอโทษนะ โซระ ฉันไม่ได้อยากจะทำร้ายเธอ แต่ฉันไม่มีทางเลือก”
“ไม่มีทางเลือก? หมายความว่ายังไง?” ผมถาม
“ฉันต้องทำตามคำสั่งของพ่อ ฉันต้องปลดปล่อยพลังที่ยิ่งใหญ่” เธอตอบ
“พลังที่ยิ่งใหญ่? เธอหมายถึงอะไร?”
“พลังที่จะทำลายโลกใบนี้” เธอกล่าว
ผมไม่เชื่อหูตัวเอง “ไม่จริงน่า อากาเรอิ เธอไม่มีทางทำแบบนั้น”
“ฉันต้องทำ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
“ทำไม? ทำไมเธอถึงต้องทำ?” ผมถาม
“เพราะฉันคือผู้ถูกเลือก” เธอตอบ
ทันใดนั้นเอง อากาเรอิก็เปล่งแสงสีดำออกมาจากตัวเธอ พลังเวทมนตร์ของเธอเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
เธอเปลี่ยนไป เธอไม่ใช่ อากาเรอิ คนเดิมที่ผมรู้จักอีกต่อไป
พันธนาการ
“ฉันขอโทษนะ โซระ” อากาเรอิกล่าว “แต่ฉันต้องทำตามสิ่งที่ฉันต้องทำ”
เธอชี้มือมาที่ผม “*พันธนาการแห่งเงา*”
เงาสีดำพุ่งออกมาจากพื้นดิน และพันธนาการผมไว้ ผมขยับตัวไม่ได้
“อากาเรอิ ปล่อยฉันไป!” ผมตะโกน
“ลาก่อนนะ โซระ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย
อากาเรอิหันหลังกลับ และเดินออกจากวิหารไป
ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการ แต่ก็ไม่เป็นผล
ผมมองตามอากาเรอิไปด้วยความสิ้นหวัง
「ทำไม? ทำไมอากาเรอิถึงทำแบบนี้? ผมไม่เข้าใจเลย」
เงามัจจุราชลุกขึ้นยืน และเดินเข้ามาหาผม
“*โฮะ โฮะ โฮะ* ดูเหมือนว่าเธอจะทิ้งแกไปแล้วนะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เยาะเย้ย
ผมจ้องมองเขาด้วยความโกรธ “แกมัน…”
“ฉันจะฆ่าแกซะ” เงามัจจุราชกล่าว
เขาชี้มือมาที่ผม “*ความมืดมิดนิรันดร์*”
ความมืดมิดปกคลุมผม ผมมองไม่เห็นอะไรเลย
ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายผม ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย
「นี่คือจุดจบแล้วเหรอ? ผมจะต้องตายที่นี่เหรอ?」
ทันใดนั้นเอง ผมก็รู้สึกถึงพลังที่พลุ่งพล่านอยู่ในตัวผมอีกครั้ง พลังนั้นมันรุนแรงกว่าเดิมมาก
ผมหลับตาลง และจินตนาการถึงอากาเรอิ จินตนาการถึงความหวังของเธอ ความฝันของเธอ…และความรักของเธอ
ผมลืมตาขึ้น และพบว่าตัวผมเปล่งแสงสีทองออกมา แสงนั้นสว่างจ้าจนสามารถขับไล่ความมืดมิดออกไปได้
ผมรู้สึกถึงพลังที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม พลังที่ผมไม่เคยสัมผัสมาก่อน
ผมยิ้มออกมา “ผมจะไม่ยอมแพ้ ผมจะไม่ยอมให้แกทำร้ายอากาเรอิ”
“ผมจะช่วยเธอให้ได้”
