เปิดแอร์หน้าร้อนให้เย็นฉ่ำ ประหยัดไฟจริง! ทำตามได้ผล 100%
หน้าร้อนของประเทศไทย นอกจากอากาศที่ร้อนระอุแล้ว สิ่งที่ตามมาคือค่าไฟที่พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ สาเหตุหลักก็มาจากการเปิดเครื่องปรับอากาศ (แอร์) อย่างต่อเนื่องเพื่อคลายร้อน แต่ไม่ต้องกังวลไป! เพราะบทความนี้จะมาเปิดเผยเคล็ดลับและเทคนิคการเปิดแอร์ให้เย็นสบาย แถมประหยัดไฟแบบเห็นผลจริง ทำตามได้ง่ายๆ ที่บ้านคุณเอง
เลือกซื้อแอร์อย่างไรให้ประหยัดไฟ
การเลือกซื้อแอร์ที่เหมาะสมตั้งแต่แรก เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการประหยัดพลังงานในระยะยาว มาดูกันว่าต้องพิจารณาอะไรบ้าง:
1. เลือกแอร์ที่มีค่า SEER สูง
ค่า SEER (Seasonal Energy Efficiency Ratio) คือ ค่าประสิทธิภาพพลังงานตามฤดูกาล ยิ่งค่า SEER สูง แสดงว่าแอร์เครื่องนั้นยิ่งประหยัดไฟ เลือกแอร์ที่มีค่า SEER ตั้งแต่ 13 ขึ้นไป จะช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟได้มาก
2. เลือกขนาด BTU ให้เหมาะสมกับขนาดห้อง
BTU (British Thermal Unit) คือ หน่วยวัดความสามารถในการทำความเย็นของแอร์ การเลือกขนาด BTU ที่ไม่เหมาะสม (เล็กเกินไปหรือใหญ่เกินไป) จะทำให้แอร์ทำงานหนักเกินความจำเป็นและกินไฟมากเกินไป
วิธีการคำนวณ BTU ที่เหมาะสม:
- คำนวณพื้นที่ห้อง: กว้าง x ยาว (เมตร)
- นำผลลัพธ์ที่ได้ x 800 (สำหรับห้องทั่วไป) หรือ x 900 (สำหรับห้องที่โดนแดดจัด)
ตัวอย่าง: ห้องขนาด 4 x 5 เมตร = 20 ตารางเมตร x 800 = 16,000 BTU (ควรเลือกแอร์ขนาด 18,000 BTU)
3. เลือกแอร์ Inverter
แอร์ Inverter มีระบบปรับรอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ ทำให้รักษาอุณหภูมิห้องได้คงที่ และประหยัดไฟได้มากกว่าแอร์ธรรมดา (Non-Inverter) ประมาณ 30-40%
4. มองหาฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5
ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เป็นเครื่องหมายรับรองประสิทธิภาพการใช้พลังงานของเครื่องใช้ไฟฟ้า มองหาฉลากนี้ก่อนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้มั่นใจว่าคุณกำลังเลือกซื้อแอร์ที่ประหยัดไฟจริง
นอกจากนี้ ให้สังเกตดาวบนฉลากเบอร์ 5 ด้วย ดาวเยอะยิ่งประหยัดไฟมากขึ้น
ตั้งค่าแอร์อย่างไรให้เย็นสบายและประหยัดไฟ
เมื่อได้แอร์ที่ประหยัดไฟมาแล้ว การตั้งค่าและการใช้งานอย่างถูกต้องก็สำคัญไม่แพ้กัน
1. ตั้งอุณหภูมิที่เหมาะสม
อุณหภูมิที่แนะนำคือ 25-27 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ร่างกายรู้สึกสบาย และไม่ทำให้แอร์ทำงานหนักเกินไป ทุกๆ 1 องศาที่ลดลง จะทำให้แอร์กินไฟเพิ่มขึ้น ประมาณ 10%
2. ใช้โหมดประหยัดพลังงาน (Eco Mode/Energy Saving Mode)
แอร์ส่วนใหญ่มีโหมดประหยัดพลังงาน ซึ่งจะช่วยปรับรอบการทำงานของคอมเพรสเซอร์ให้เหมาะสม และลดการใช้พลังงานโดยรวม
3. ตั้งเวลาปิดแอร์
ตั้งเวลาปิดแอร์ก่อนตื่นนอน อย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง อุณหภูมิห้องจะยังเย็นสบาย และช่วยประหยัดไฟได้อีกทางหนึ่ง
4. ใช้พัดลมช่วย
เปิดพัดลมควบคู่กับการเปิดแอร์ จะช่วยกระจายความเย็นได้ทั่วถึง และทำให้คุณรู้สึกเย็นสบายขึ้น โดยไม่ต้องตั้งอุณหภูมิแอร์ให้ต่ำจนเกินไป
5. ปิดประตูหน้าต่างให้สนิท
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าประตูหน้าต่างปิดสนิท เพื่อป้องกันไม่ให้ความร้อนจากภายนอกเข้ามาในห้อง และทำให้แอร์ทำงานหนักขึ้น
ดูแลรักษาแอร์อย่างถูกวิธี เพื่อประสิทธิภาพและประหยัดไฟ
การดูแลรักษาแอร์อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้แอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยืดอายุการใช้งาน
1. ล้างแอร์อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
การล้างแอร์จะช่วยกำจัดฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ภายใน ทำให้แอร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และประหยัดไฟมากขึ้น หากไม่สะดวกทำเอง สามารถเรียกใช้บริการจากช่างผู้ชำนาญ
2. ทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศ (Filter)
ถอดแผ่นกรองอากาศออกมาทำความสะอาด ทุกๆ 1-2 สัปดาห์ เพื่อกำจัดฝุ่นละอองที่อุดตัน การทำความสะอาดแผ่นกรองอากาศจะช่วยให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก และลดภาระการทำงานของแอร์
3. ตรวจสอบท่อน้ำทิ้ง
ตรวจสอบท่อน้ำทิ้งว่ามีการอุดตันหรือไม่ หากมีการอุดตัน จะทำให้น้ำไหลย้อนกลับ และอาจทำให้แอร์เสียได้
4. ตรวจสอบการรั่วไหลของน้ำยาแอร์
สังเกตว่าแอร์เย็นน้อยลงหรือไม่ หากแอร์เย็นน้อยลง อาจเกิดจากการรั่วไหลของน้ำยาแอร์ ควรเรียกช่างผู้ชำนาญมาตรวจสอบและเติมน้ำยาแอร์
ปรับพฤติกรรมการใช้แอร์เพื่อประหยัดไฟ
นอกจากการเลือกซื้อ การตั้งค่า และการดูแลรักษาแล้ว การปรับพฤติกรรมการใช้แอร์ก็มีส่วนสำคัญในการประหยัดพลังงาน
1. เปิดแอร์เฉพาะเวลาที่จำเป็น
หลีกเลี่ยงการเปิดแอร์ทิ้งไว้ตลอดทั้งวัน เปิดแอร์เฉพาะเวลาที่อยู่ในห้อง และปิดแอร์เมื่อออกจากห้อง
2. ใช้ประโยชน์จากแสงธรรมชาติ
เปิดผ้าม่านรับแสงธรรมชาติในช่วงเช้าและเย็น จะช่วยลดการใช้พลังงานจากหลอดไฟ และทำให้ห้องสว่างขึ้นโดยไม่ต้องเปิดแอร์
3. ปลูกต้นไม้รอบบ้าน
ปลูกต้นไม้รอบบ้าน จะช่วยลดอุณหภูมิโดยรอบ และทำให้แอร์ทำงานน้อยลง
4. ใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงาน
เลือกใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงาน (เช่น หลอดไฟ LED) จะช่วยลดภาระการทำงานของแอร์ และลดการใช้พลังงานโดยรวม
5. ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งาน
ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งาน จะช่วยลดการใช้พลังงานแฝง (Standby Power) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ค่าไฟสูงขึ้น
สรุปและข้อเสนอแนะ
การเปิดแอร์ให้เย็นสบายและประหยัดไฟไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ทำตามเคล็ดลับและเทคนิคที่เราได้นำเสนอไป ไม่ว่าจะเป็นการเลือกซื้อแอร์ที่มีประสิทธิภาพ การตั้งค่าและการใช้งานอย่างถูกต้อง การดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ และการปรับพฤติกรรมการใช้พลังงาน เท่านี้คุณก็สามารถคลายร้อนได้อย่างสบายใจ และประหยัดค่าไฟไปได้อีกเยอะ!
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกท่าน หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ในช่องแสดงความคิดเห็นด้านล่าง
FAQ: ทำไมแอร์ถึงไม่เย็น?
อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น แผ่นกรองอากาศสกปรก น้ำยาแอร์รั่ว หรือขนาด BTU ไม่เหมาะสมกับห้อง ควรตรวจสอบและแก้ไขตามสาเหตุที่พบ
